ช่วงนี้พักฟังเพลงเพราะ ๆ แล้วรู้สึกสมองจะลื่นขึ้นผมจึงนำเพลงนี้มาฝากครับ
12 years ago
Sunday, May 24, 2009
Wednesday, May 20, 2009
วิเคราะห์การโปรโมต aStore ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
คือตอนนี้ผมมีปัญหาว่าผมทำการโปรโมต aStore แบบมั่วไปหมดเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าวิธีการไหนที่ย่นเวลาให้เราและไม่เสียเวลาเปล่า ผมว่าเพื่อน ๆ บางท่านต้องมีความคิดแบบผมแน่นอนว่า ขอสักวิธีเถอะที่ เจ๋ง ๆ โดน ๆ แล้วก็ทำการโปรโมตแบบนี้แบบเดียวเลย (ป.ล.ผมหมายถึงว่าต้องขายได้ด้วยนะครับ)
ตอนนี้ผมกำลังลองวิเคราะห์ดูว่าวิธีไหนจะดีที่สุดครับ วิธีการวิเคราะห์ของผมง่ายมากครับ ก็คือการแยกเก็บข้อมูลนั่นเอง แยกเป็นตัวสินค้าเลยครับ หาสินค้าที่ มีผม search ใกล้เคียงกันมาทดสอบ โดยหนึ่งต่อหนึ่งวิธีโปรโมตแล้วเราก็จะได้รู้ว่า วิธีไหนดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุดครับ (ตอนนี้ผมกำลังทำอยู่ครับ) เหอ ๆ ขอให้รวยกัน ทุกคน นะครับ
ความเรียบง่ายก็ดูสวยนะครับ(aStore-Theme)
วันนี้ผมลองปรับแต่ง หน้าตา aStore ดูก็สวยไปอีกแบบผมจึงนำ Code นั้นมาให้ดูครับ แต่ก่อนอื่นดูตัวอย่างก่อนนะครับ เป็นรูปแบบใส ๆ ครับ fender electric acoustic guitar store เรามาดู Code เลยครับ
Click ที่ Color&Design ต่อมา click ที่ Edit CSS แล้้วนำ Code นี้ไปใส่ใน Tab Global นะครับ
a {
color: #0066FF;
text-decoration: none;
}
a:hover {
color: #FF0000;
text-decoration: underline;
}
body {
text-align:center;
}
#wrap {
margin:0 auto;
text-align:left;
}
อีกตัวหนึ่งนะครับให้ใ่ส่ Code ใน Category Page ครับ
table.products {
font-family:arial, sans-serif, helv;
font-size:9pt;
width:95%;
margin: 0 auto;
}
table.products td {
width:33%;
padding:5px;
}
table.products tr.imagerow td a {
border: 1px solid #ffffff;
display: block;
margin:0%;
height: 125px;
}
table.products tr.imagerow td a:hover {
border: 1px solid #000000;
}
จากนั้นก็กดปุ่ม Back to Color & Design ครับ ให้ปรับตรง Page background color เป็นสีอ่อนเข้าไว้ครับ(ตามใจเลยนะครับว่าต้องการสีอะไร)
แล้วก็ปรับ Header Background ให้เป็นสีขาวครับ จะได้ดูนุ่มนวลครับ
จากนั้นก็ปรับ Header Text Color อันนี้ตามใจเลยครับ (ยกเว้นสีขาวครับ อิอิ)
ส่วนรูปที่เป็นตัวหนังสือ aStore นำลิ้งผมไปใช้ได้นะครับ http://i685.photobucket.com/albums/vv219/numsaiya/astore-logo-md-short_V31866931_.gif นำไปใส่ตรง Configure Store Header ครับ ทีนี้ก็จะได้ Theme คล้ายของผมแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ได้นะครับ
Click ที่ Color&Design ต่อมา click ที่ Edit CSS แล้้วนำ Code นี้ไปใส่ใน Tab Global นะครับ
a {
color: #0066FF;
text-decoration: none;
}
a:hover {
color: #FF0000;
text-decoration: underline;
}
body {
text-align:center;
}
#wrap {
margin:0 auto;
text-align:left;
}
อีกตัวหนึ่งนะครับให้ใ่ส่ Code ใน Category Page ครับ
table.products {
font-family:arial, sans-serif, helv;
font-size:9pt;
width:95%;
margin: 0 auto;
}
table.products td {
width:33%;
padding:5px;
}
table.products tr.imagerow td a {
border: 1px solid #ffffff;
display: block;
margin:0%;
height: 125px;
}
table.products tr.imagerow td a:hover {
border: 1px solid #000000;
}
จากนั้นก็กดปุ่ม Back to Color & Design ครับ ให้ปรับตรง Page background color เป็นสีอ่อนเข้าไว้ครับ(ตามใจเลยนะครับว่าต้องการสีอะไร)
แล้วก็ปรับ Header Background ให้เป็นสีขาวครับ จะได้ดูนุ่มนวลครับ
จากนั้นก็ปรับ Header Text Color อันนี้ตามใจเลยครับ (ยกเว้นสีขาวครับ อิอิ)
ส่วนรูปที่เป็นตัวหนังสือ aStore นำลิ้งผมไปใช้ได้นะครับ http://i685.photobucket.com/albums/vv219/numsaiya/astore-logo-md-short_V31866931_.gif นำไปใส่ตรง Configure Store Header ครับ ทีนี้ก็จะได้ Theme คล้ายของผมแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ได้นะครับ
Monday, May 18, 2009
เทคนิคการบริหารเวลา
วันนี้ผมไป search ดูในเน็ตเกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลา เพราะช่วงนี้ ผมทำ aStore ต้องทำการ๋โปรโมท และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง จึงอยากรู้เทคนิคเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารเวลา ผมเจออันหนึ่งน่าสนใจมาก คือ ขงเบ้งสอนเล่าปี่เกี่ยวกับการบริหารเวลาจึงนำ มาเผยแพร่ในบล็อคผมเพิ่ม ผมว่าเทคนิคนี้ดีมากนะครับ
คอลัมน์ คลื่นความคิด โดย สารสิน วีระผล มติชนรายวัน วันที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9886
ทุกวันทุกคนบนโลกใบนี้มีเวลาเท่าเทียมกันคือ 24 ชม. อย่างไรก็ดี มองจากแง่มุมของเศรษฐศาสตร์ เวลาของทุกคนมีคุณค่าไม่เท่ากัน การบริหารเวลาของแต่ละคนจึงหมายถึงความแตกต่างระหว่างความสำเร็จกับความพ่ายแพ้
ค่าของเวลาเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพ ซึ่งในแง่ธุรกิจคือต้นทุน ฉะนั้นสถาบันศึกษาทุกแห่งที่สอนวิชาการบริหารธุรกิจจึงมีหลักสูตรเกี่ยวกับการบริหารเวลา
ครั้งหนึ่ง เล่าปี่ ขอขงเบ้งให้แนะนำวิธีสร้างตนเป็นอภิมหาเศรษฐีแห่งดินแดน ขงเบ้ง ว่างานใหญ่เช่นนี้ต้องวางแผนและรู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
เล่าปี่ กล่าวว่า "ข้าฯเห็นด้วยในหลักการแต่ทว่าข้าฯมีงานมากมายที่ต้องทำทุกวันจนเวียนเกล้าเวียนศีรษะ ไม่เคยมีเวลาพอที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย"
ขงเบ้ง บอกให้ลูกน้องไปเตรียมก้อนหิน ก้อนกรวด ก้อนทราย และน้ำจำนวนหนึ่ง พร้อมถังเหล็กใหญ่หนึ่งใบ
เล่าปี่ถามด้วยความแปลกใจ "ท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร?"
ขงเบ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับตอบด้วยคำถามว่า "ท่านบริหารเวลาด้วยวิธีใด?"
เล่าปี่ตอบว่า "ข้าฯเคยคิดว่า ข้าฯมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว คือใช้วิธีมอบหมาย ข้าฯมีผู้ช่วยอยู่รอบด้านตั้งแต่กวนอู เตียวหุย เจ้าหยุน ฯลฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ด้านต่างๆ แต่งานทั้งหลายก็ยังพันกันอีรุงตุงนัง ไม่สามารถปรับให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้นได้ เดิมข้าฯคิดว่าคือแมลงวันไม่มีหัวอยู่ตัวเดียว แต่หลังการใช้ระบบมอบหมายงาน กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันบริษัทมีแมลงวันหัวขาดเป็นฝูง!!
ขงเบ้ง ฟังแล้วจึงเริ่มอธิบายว่า "เทคนิคการบริหารเวลาสามารถแบ่งเป็น สูง กลาง และต่ำ สามขั้น ขั้นต่ำเน้นการใช้เศษกระดาษบันทึก ขั้นกลาง เน้นการใช้แผนดำเนินงาน และตารางโปรแกรมประจำวันซึ่งสะท้อนความสำคัญของการวางแผน ส่วนขั้นสูง เน้นการจัดการโดยแบ่งแยกประเภทของหน้าที่การงานตามดีกรีความสำคัญของงาน เพื่อพิจารณาลำดับความเร่งด่วนในการจัดการงานดังกล่าว ทั้งสามขั้นอันดับต่างมีเรื่องการมอบหมายงานเกี่ยวข้องอยู่ด้วยตามความ ต้องการของปริมาณและลักษณะเฉพาะของงานแต่ละชิ้น
เล่าปี่สารภาพว่า "หากพิจารณาตามการแบ่งขั้นของเทคนิคการบริหารเวลาแล้ว ข้าฯยอมรับว่าวิธีของข้าฯอยู่ที่ขั้นต่ำ เพราะใช้แค่ส่งสลิปบันทึก ขงเบ้งชี้ไปที่ถังเหล็กกับกองวัสดุที่ผู้ช่วยได้เตรียมเสร็จไว้มุมห้องพร้อมกล่าวว่า
"คำตอบของการบริหารขั้นสูงอยู่ในถังเหล็กใบใหญ่นี้แหละ! ความจุของถังนี้เปรียบเสมือนขีดความสามารถของคนๆ หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ก้อนกรวดเปรียบได้กับงานที่สำคัญและเร่งด่วน ก้อนหินคือภาระที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เม็ดทรายเปรียบได้กับภาระที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และน้ำคือหน้าที่ที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน"
ขงเบ้งอธิบายพรางวาดผังประกอบคำอธิบาย ดังในตารางประกอบ
"ปกติท่านเน้นงานประเภทใด?" ขงเบ้งถาม
"ก็ต้องเป็นประเภท "ก." เล่าปี่ตอบอย่างไม่ลังเล "แล้วงานประเภท ข. ล่ะ?" ขงเบ้งถามต่อไป เล่าปี่ตอบว่า "ข้าฯตระหนักถึงความสำคัญของงานประเภท ข. แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่สนใจมัน"
"เป็นอย่างนี้ใช่ไหม" ขงเบ้งถาม พรางใส่กรวดลงไปในถังเหล็กจนเต็มแล้วพยายามใส่ก้อนหินเข้าไปซึ่งใส่ไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า "ใช่!"
"และหากเปลี่ยนวิธีบรรจุใหม่ล่ะ?" ขงเบ้งถามต่อ พลางใส่ก้อนหินทีละก้อนเข้าไปในถังก่อนจนใส่ไม่ได้ แล้วจึงถามเล่าปี่อีกว่า "ตอนนี้ถังเหล็กเต็มแล้วจะใส่อะไรลงไปอีกไม่ได้ใช่ไหม?" ซึ่งเล่าปี่ตอบว่า "ใช่"
"จริงหรือ?" ขงเบ้งถามแล้วหยิบก้อนกรวดใส่เข้าไปข้างบนถังแล้วเขย่าให้ก้อนกรวดตกลงไปในถังจนหมด "บัดนี้ถังเหล็กใบนี้ใส่อะไรลงไปอีกได้หรือไม่?" ขงเบ้งพูดพรางเทเม็ดทรายลงไปอีกจนหมด
"แล้วทีนี้ละ? ใส่อะไรลงไปอีกได้ไหม?" ขงเบ้งถามต่อไป
แต่ก่อนที่เล่าปี่มีโอกาสตอบ ขงเบ้งก็ตักน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังเหล็กอีกจนหมด "ตอนนี้ท่านเข้าใจความหมายของการทดลองนี้แล้วหรือยัง?"
เล่าปี่ตอบว่า "เข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อสักครู่เกี่ยวกับการจัดการแบบแยกประเภท และเลือกการจัดการก่อนหลังใช่ไหม?"
ขงเบ้งตอบว่า "ใช่แล้ว การทดลองชี้ให้เห็นว่าหากถังเหล็กตั้งแต่แรกก็เติมเต็มไปด้วยก้อนกรวด ทราย และน้ำ ก็คงไม่มีโอกาสใส่ก้อนหินลงไปได้ แต่ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อนในถังยังมีเนื้อที่ที่จะใส่สิ่งอื่นๆ เข้าไปได้อีก ดังนั้น การบริหารเวลาที่ได้ผลต้องดูว่า อะไรคือก้อนหิน อะไรคือก้อนกรวด เม็ดทราย และน้ำ ฯลฯ และไม่ว่าจะเป็นประการใดก็ต้องใส่ก้อนหินลงไปในถังเป็นอันดับแรก"
เล่าปี่ยังถามว่า "แล้วการวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆ ออกเป็นสี่หมวดนี้มีผลอย่างไรล่ะ?"
ขงเบ้งตอบว่า "บุคคลจำพวกที่ว่าวุ่นอยู่กับเรื่องราวประเภทก้อนกรวด ย่อมมีความรู้สึกถูกเวลากดดันและวนเวียนอยู่ในแดนวิกฤตจนอ่อนล้า พวกที่เน้นเรื่องประเภทเม็ดทรายจะขาดพลังสร้างสรรค์ ชอบฟังคำพูดเพราะหู คบคนแบบผิวเผิน พวกที่นิยมเรื่องราวประเภทน้ำมักบกพร่องเรื่องสำนึกรับผิดชอบ แม้กระทั่งเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตนเอง"
เล่าปี่ถามว่า "เป็นไปได้ไหมที่ว่าถ้าเน้นก้อนหินมากเกินไปจะมองข้ามก้อนกรวด เพราะก้อนกรวดมากับความเร่งด่วน?"
"ท่านทราบไหมว่าก้อนกรวดมาจากไหน? ก็มาจากก้อนหินที่แตกสลายไง!" ขงเบ้งตอบ "คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทก้อนหินจะมีก้อนกรวดน้อย คนที่เน้นก้อนกรวดก็จะมีก้อนกรวดเยอะตลอด"
ขงเบ้งสอนต่อไปว่า "คนที่อิงเรื่องประเภทก้อนหินเป็นคนมีประสิทธิภาพ เพราะเขาจะเก่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ เวลา และสิ่งแวดล้อม สามารถจับประเด็นหลักของปัญหา สามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วนและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกินกว่าเหตุ กล้าฟันธงและใช้มาตรการป้องปราม บุคคลจำพวกนี้จะมีวิสัยทัศน์ มีอุดมการณ์ เคารพระเบียบ สามารถควบคุมตัวเอง ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้
เล่าปี่ชื่นชอบทฤษฎี "วัตถุในถัง" ของขงเบ้งเป็นอย่างมาก พร้อมกับสารภาพว่า "มาวันนี้ข้าฯถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า การต่อสู้ของข้าฯทำไมจึงยังลุ่มๆ ดอนๆ เพราะแม้ว่าข้าฯมีขุนพลเก่งๆ เช่น กวนอูและเตียวหุย แต่พวกเขาจะก้าวหน้าได้อย่างไรตราบใดที่คนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างพวกเขาจมปลักอยู่กับเรื่องจิ๊บจ๊อย กับทำงานลักษณะ "เก็บเม็ดงาแต่ทิ้งแตงโม" (เจี่ยนเลอจือหมา ติวเลอซีกวา) ขืนดำเนินตามวิธีนี้ต่อไป ความพยายามของข้าฯที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันในแผ่นดินก็คงเป็นได้แค่ ความฝัน !"
เกี่ยวกับผู้เขียน : เป็นดอกเตอร์ทางด้านประวัติศาสตร์และภาษาเอเชียตะวันออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเคยรับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งสุดท้ายคือรองปลัดระทรวง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์
หน้า 20
ลองนำทฤษฏี "วัตถุในถัง" ไปใช้ดูนะครับ
คอลัมน์ คลื่นความคิด โดย สารสิน วีระผล มติชนรายวัน วันที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9886ทุกวันทุกคนบนโลกใบนี้มีเวลาเท่าเทียมกันคือ 24 ชม. อย่างไรก็ดี มองจากแง่มุมของเศรษฐศาสตร์ เวลาของทุกคนมีคุณค่าไม่เท่ากัน การบริหารเวลาของแต่ละคนจึงหมายถึงความแตกต่างระหว่างความสำเร็จกับความพ่ายแพ้
ค่าของเวลาเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพ ซึ่งในแง่ธุรกิจคือต้นทุน ฉะนั้นสถาบันศึกษาทุกแห่งที่สอนวิชาการบริหารธุรกิจจึงมีหลักสูตรเกี่ยวกับการบริหารเวลา
ครั้งหนึ่ง เล่าปี่ ขอขงเบ้งให้แนะนำวิธีสร้างตนเป็นอภิมหาเศรษฐีแห่งดินแดน ขงเบ้ง ว่างานใหญ่เช่นนี้ต้องวางแผนและรู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
เล่าปี่ กล่าวว่า "ข้าฯเห็นด้วยในหลักการแต่ทว่าข้าฯมีงานมากมายที่ต้องทำทุกวันจนเวียนเกล้าเวียนศีรษะ ไม่เคยมีเวลาพอที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย"
ขงเบ้ง บอกให้ลูกน้องไปเตรียมก้อนหิน ก้อนกรวด ก้อนทราย และน้ำจำนวนหนึ่ง พร้อมถังเหล็กใหญ่หนึ่งใบ
เล่าปี่ถามด้วยความแปลกใจ "ท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร?"
ขงเบ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับตอบด้วยคำถามว่า "ท่านบริหารเวลาด้วยวิธีใด?"
เล่าปี่ตอบว่า "ข้าฯเคยคิดว่า ข้าฯมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว คือใช้วิธีมอบหมาย ข้าฯมีผู้ช่วยอยู่รอบด้านตั้งแต่กวนอู เตียวหุย เจ้าหยุน ฯลฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ด้านต่างๆ แต่งานทั้งหลายก็ยังพันกันอีรุงตุงนัง ไม่สามารถปรับให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้นได้ เดิมข้าฯคิดว่าคือแมลงวันไม่มีหัวอยู่ตัวเดียว แต่หลังการใช้ระบบมอบหมายงาน กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันบริษัทมีแมลงวันหัวขาดเป็นฝูง!!
ขงเบ้ง ฟังแล้วจึงเริ่มอธิบายว่า "เทคนิคการบริหารเวลาสามารถแบ่งเป็น สูง กลาง และต่ำ สามขั้น ขั้นต่ำเน้นการใช้เศษกระดาษบันทึก ขั้นกลาง เน้นการใช้แผนดำเนินงาน และตารางโปรแกรมประจำวันซึ่งสะท้อนความสำคัญของการวางแผน ส่วนขั้นสูง เน้นการจัดการโดยแบ่งแยกประเภทของหน้าที่การงานตามดีกรีความสำคัญของงาน เพื่อพิจารณาลำดับความเร่งด่วนในการจัดการงานดังกล่าว ทั้งสามขั้นอันดับต่างมีเรื่องการมอบหมายงานเกี่ยวข้องอยู่ด้วยตามความ ต้องการของปริมาณและลักษณะเฉพาะของงานแต่ละชิ้น
เล่าปี่สารภาพว่า "หากพิจารณาตามการแบ่งขั้นของเทคนิคการบริหารเวลาแล้ว ข้าฯยอมรับว่าวิธีของข้าฯอยู่ที่ขั้นต่ำ เพราะใช้แค่ส่งสลิปบันทึก ขงเบ้งชี้ไปที่ถังเหล็กกับกองวัสดุที่ผู้ช่วยได้เตรียมเสร็จไว้มุมห้องพร้อมกล่าวว่า
"คำตอบของการบริหารขั้นสูงอยู่ในถังเหล็กใบใหญ่นี้แหละ! ความจุของถังนี้เปรียบเสมือนขีดความสามารถของคนๆ หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ก้อนกรวดเปรียบได้กับงานที่สำคัญและเร่งด่วน ก้อนหินคือภาระที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เม็ดทรายเปรียบได้กับภาระที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และน้ำคือหน้าที่ที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน"
ขงเบ้งอธิบายพรางวาดผังประกอบคำอธิบาย ดังในตารางประกอบ
"ปกติท่านเน้นงานประเภทใด?" ขงเบ้งถาม
"ก็ต้องเป็นประเภท "ก." เล่าปี่ตอบอย่างไม่ลังเล "แล้วงานประเภท ข. ล่ะ?" ขงเบ้งถามต่อไป เล่าปี่ตอบว่า "ข้าฯตระหนักถึงความสำคัญของงานประเภท ข. แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่สนใจมัน"
"เป็นอย่างนี้ใช่ไหม" ขงเบ้งถาม พรางใส่กรวดลงไปในถังเหล็กจนเต็มแล้วพยายามใส่ก้อนหินเข้าไปซึ่งใส่ไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า "ใช่!"
"และหากเปลี่ยนวิธีบรรจุใหม่ล่ะ?" ขงเบ้งถามต่อ พลางใส่ก้อนหินทีละก้อนเข้าไปในถังก่อนจนใส่ไม่ได้ แล้วจึงถามเล่าปี่อีกว่า "ตอนนี้ถังเหล็กเต็มแล้วจะใส่อะไรลงไปอีกไม่ได้ใช่ไหม?" ซึ่งเล่าปี่ตอบว่า "ใช่"
"จริงหรือ?" ขงเบ้งถามแล้วหยิบก้อนกรวดใส่เข้าไปข้างบนถังแล้วเขย่าให้ก้อนกรวดตกลงไปในถังจนหมด "บัดนี้ถังเหล็กใบนี้ใส่อะไรลงไปอีกได้หรือไม่?" ขงเบ้งพูดพรางเทเม็ดทรายลงไปอีกจนหมด
"แล้วทีนี้ละ? ใส่อะไรลงไปอีกได้ไหม?" ขงเบ้งถามต่อไป
แต่ก่อนที่เล่าปี่มีโอกาสตอบ ขงเบ้งก็ตักน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังเหล็กอีกจนหมด "ตอนนี้ท่านเข้าใจความหมายของการทดลองนี้แล้วหรือยัง?"
เล่าปี่ตอบว่า "เข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อสักครู่เกี่ยวกับการจัดการแบบแยกประเภท และเลือกการจัดการก่อนหลังใช่ไหม?"
ขงเบ้งตอบว่า "ใช่แล้ว การทดลองชี้ให้เห็นว่าหากถังเหล็กตั้งแต่แรกก็เติมเต็มไปด้วยก้อนกรวด ทราย และน้ำ ก็คงไม่มีโอกาสใส่ก้อนหินลงไปได้ แต่ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อนในถังยังมีเนื้อที่ที่จะใส่สิ่งอื่นๆ เข้าไปได้อีก ดังนั้น การบริหารเวลาที่ได้ผลต้องดูว่า อะไรคือก้อนหิน อะไรคือก้อนกรวด เม็ดทราย และน้ำ ฯลฯ และไม่ว่าจะเป็นประการใดก็ต้องใส่ก้อนหินลงไปในถังเป็นอันดับแรก"
เล่าปี่ยังถามว่า "แล้วการวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆ ออกเป็นสี่หมวดนี้มีผลอย่างไรล่ะ?"
ขงเบ้งตอบว่า "บุคคลจำพวกที่ว่าวุ่นอยู่กับเรื่องราวประเภทก้อนกรวด ย่อมมีความรู้สึกถูกเวลากดดันและวนเวียนอยู่ในแดนวิกฤตจนอ่อนล้า พวกที่เน้นเรื่องประเภทเม็ดทรายจะขาดพลังสร้างสรรค์ ชอบฟังคำพูดเพราะหู คบคนแบบผิวเผิน พวกที่นิยมเรื่องราวประเภทน้ำมักบกพร่องเรื่องสำนึกรับผิดชอบ แม้กระทั่งเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตนเอง"
เล่าปี่ถามว่า "เป็นไปได้ไหมที่ว่าถ้าเน้นก้อนหินมากเกินไปจะมองข้ามก้อนกรวด เพราะก้อนกรวดมากับความเร่งด่วน?"
"ท่านทราบไหมว่าก้อนกรวดมาจากไหน? ก็มาจากก้อนหินที่แตกสลายไง!" ขงเบ้งตอบ "คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทก้อนหินจะมีก้อนกรวดน้อย คนที่เน้นก้อนกรวดก็จะมีก้อนกรวดเยอะตลอด"
ขงเบ้งสอนต่อไปว่า "คนที่อิงเรื่องประเภทก้อนหินเป็นคนมีประสิทธิภาพ เพราะเขาจะเก่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ เวลา และสิ่งแวดล้อม สามารถจับประเด็นหลักของปัญหา สามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วนและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกินกว่าเหตุ กล้าฟันธงและใช้มาตรการป้องปราม บุคคลจำพวกนี้จะมีวิสัยทัศน์ มีอุดมการณ์ เคารพระเบียบ สามารถควบคุมตัวเอง ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้
เล่าปี่ชื่นชอบทฤษฎี "วัตถุในถัง" ของขงเบ้งเป็นอย่างมาก พร้อมกับสารภาพว่า "มาวันนี้ข้าฯถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า การต่อสู้ของข้าฯทำไมจึงยังลุ่มๆ ดอนๆ เพราะแม้ว่าข้าฯมีขุนพลเก่งๆ เช่น กวนอูและเตียวหุย แต่พวกเขาจะก้าวหน้าได้อย่างไรตราบใดที่คนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างพวกเขาจมปลักอยู่กับเรื่องจิ๊บจ๊อย กับทำงานลักษณะ "เก็บเม็ดงาแต่ทิ้งแตงโม" (เจี่ยนเลอจือหมา ติวเลอซีกวา) ขืนดำเนินตามวิธีนี้ต่อไป ความพยายามของข้าฯที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันในแผ่นดินก็คงเป็นได้แค่ ความฝัน !"
เกี่ยวกับผู้เขียน : เป็นดอกเตอร์ทางด้านประวัติศาสตร์และภาษาเอเชียตะวันออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเคยรับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งสุดท้ายคือรองปลัดระทรวง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์
หน้า 20
ลองนำทฤษฏี "วัตถุในถัง" ไปใช้ดูนะครับ
Wednesday, May 13, 2009
ข้อความต้อนรับมาฝาก ก๊อป เขามาอีกทีจ้า ทำ SEO
ผมไปเจอมาของ สินค้าบางตัว แล้วเขาได้อันดับ 1 ก็เลยเลียนแบบเขาบ้างครับ จะนำมาเพิ่มให้เรื่อย ๆนะครับ
Welcome to KEYWORD Shop - KEYWORD For Sale. You'll find broad selections of low prices Digital Photo Frames on these pages. When you are ready to purchase an item you will be transferred directly to Amazon's secure checkout area. All items sold by Amazon.com
Welcome to KEYWORD Shop - KEYWORD For Sale. You'll find broad selections of low prices Digital Photo Frames on these pages. When you are ready to purchase an item you will be transferred directly to Amazon's secure checkout area. All items sold by Amazon.com
ต้องรอให้ติดหน้าแรกของ google ถึงขายได้เหรอ
ตา่มหัวข้อเลยครับเป็น คำถามซึ่งเป็นที่มาของคำตอบ ว่า "ไม่" เพราะอะไรผมถึงตอบอย่างนี้นะเหรอ เพราะว่า
ผมทำ astore ร้านนี้ http://astore.amazon.com/easton-v12-baseball-bats-20 เป็นร้านขายไม้เบสบอล ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งผม ทำขึ้นมาไม่นานนี้เอง ตอนแรกที่ทำไม่มี index กับ google ,yahoo, msn ซักที่เลยครับ เพราะเป็นวันแรกที่สร้าง เหอๆๆ ผมก็นำ astore ไป submit ตาม search ต่าง ๆ ตามแบบที่คนอื่นเค้าทำกัน อีกวันหนึ่งมาดูผมไม่มี ซัก click เลย (เหอๆๆพอดีเป็นพวกใจร้อนเลย ต้องการหาวิธีทำไงให้ได้ click มาให้เร็วที่ซูดๆๆ) จึงคิดว่า ในเมื่อมีคนทำ blog reviews ต่าง ๆ แล้ว เราน่าจะไป comment ใน blog ที่เกี่ยวกับ ไม้เบสบอล ผมก็เลย จัดการ search หาใน google เลยครับ ก็ไม่ ยากครับ พิมพ์ ตัวสินค้าของเรา บวก กับคำว่า blog เข้าไปแค่นั้นเองครับ (เช่น baseball bat blog) เราก็จะได้ blog ที่ เอ่ยถึงสินค้าที่เราต้องการ เราก็ตอบ หรือขอบคุณให้เนียนหน่อย เสร็จแล้ว ก็แอบติด link ของเราไปด้วยเลย เหอๆๆ ปรากฏว่า มาเช็คใน amazon มี click เข้ามาแถมมี order อีกต่าง หาก เหอๆๆ มีกำลังขึ้น สุดๆๆ ครับ รู้แล้วว่าเราทำได้แน่นอนครับ ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูนะครับ เหอๆๆ ขอให้ขายได้กันทุกคนนะครับ
ผมทำ astore ร้านนี้ http://astore.amazon.com/easton-v12-baseball-bats-20 เป็นร้านขายไม้เบสบอล ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งผม ทำขึ้นมาไม่นานนี้เอง ตอนแรกที่ทำไม่มี index กับ google ,yahoo, msn ซักที่เลยครับ เพราะเป็นวันแรกที่สร้าง เหอๆๆ ผมก็นำ astore ไป submit ตาม search ต่าง ๆ ตามแบบที่คนอื่นเค้าทำกัน อีกวันหนึ่งมาดูผมไม่มี ซัก click เลย (เหอๆๆพอดีเป็นพวกใจร้อนเลย ต้องการหาวิธีทำไงให้ได้ click มาให้เร็วที่ซูดๆๆ) จึงคิดว่า ในเมื่อมีคนทำ blog reviews ต่าง ๆ แล้ว เราน่าจะไป comment ใน blog ที่เกี่ยวกับ ไม้เบสบอล ผมก็เลย จัดการ search หาใน google เลยครับ ก็ไม่ ยากครับ พิมพ์ ตัวสินค้าของเรา บวก กับคำว่า blog เข้าไปแค่นั้นเองครับ (เช่น baseball bat blog) เราก็จะได้ blog ที่ เอ่ยถึงสินค้าที่เราต้องการ เราก็ตอบ หรือขอบคุณให้เนียนหน่อย เสร็จแล้ว ก็แอบติด link ของเราไปด้วยเลย เหอๆๆ ปรากฏว่า มาเช็คใน amazon มี click เข้ามาแถมมี order อีกต่าง หาก เหอๆๆ มีกำลังขึ้น สุดๆๆ ครับ รู้แล้วว่าเราทำได้แน่นอนครับ ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูนะครับ เหอๆๆ ขอให้ขายได้กันทุกคนนะครับ
เทคนิคการเพิ่มหน้า index ให้ astore
ผมไม่รู้ว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่านะครับ สำหรับเทคนิคนี้ เมื่อวานผม search ใน google เพื่อลองหา คู่แข่ง astore ด้วย keyword ที่ต้องการ แล้วลอง click เข้าไปดู แต่ละอันดับ ปรากฏว่า เจอ id ที่ซ้ำกันเยอะมากจึงแปลกใจทำไมเป็นเช่นนั้น
ผมลองเข้าไปดูใน id อันดับต้น ๆ แล้วลองสังเกตุตรง link back ข้างล่างใกล้ ๆ about us เจอ link เข้า blog ของเจ้าของ id จึง click เข้าไปดู ปรากฏว่า เจ้าของทำ reviews สินค้าประเภทนั้น อยู่แล้วแต่ละสินค้า ทำ link เข้าหน้า astore ที่บอกรายละเอียดของสินค้า เสร็จสับ เลย ผมจึงปิ้ง ไอเดียขึ้นมาว่า อ๋อ เขาทำกันอย่างนี้ นี่เองถึงติด index ใน google ตั้งเยอะ แล้วตอนนี้ ผมก็ลองเริ่มทำตาม วันนี้นี่เองครับ แต่ของผมประยุกต์ หน่อยคือ สอดแทรก link รูปภาพและข้อความที่พาเข้าของ amazon ที่มี id ของผมเลย ดูตัวอย่างได้ จาก บล็อกผม ได้เลยครับ GooRoo-cameras.blogspot.com ใครต้องการสานต่อนำไปประยุกต์เช่นไรนำมาบอกเล่าให้ทราบได้นะครับว่าทำแล้วดีขึ้นหรือไม่
ผมลองเข้าไปดูใน id อันดับต้น ๆ แล้วลองสังเกตุตรง link back ข้างล่างใกล้ ๆ about us เจอ link เข้า blog ของเจ้าของ id จึง click เข้าไปดู ปรากฏว่า เจ้าของทำ reviews สินค้าประเภทนั้น อยู่แล้วแต่ละสินค้า ทำ link เข้าหน้า astore ที่บอกรายละเอียดของสินค้า เสร็จสับ เลย ผมจึงปิ้ง ไอเดียขึ้นมาว่า อ๋อ เขาทำกันอย่างนี้ นี่เองถึงติด index ใน google ตั้งเยอะ แล้วตอนนี้ ผมก็ลองเริ่มทำตาม วันนี้นี่เองครับ แต่ของผมประยุกต์ หน่อยคือ สอดแทรก link รูปภาพและข้อความที่พาเข้าของ amazon ที่มี id ของผมเลย ดูตัวอย่างได้ จาก บล็อกผม ได้เลยครับ GooRoo-cameras.blogspot.com ใครต้องการสานต่อนำไปประยุกต์เช่นไรนำมาบอกเล่าให้ทราบได้นะครับว่าทำแล้วดีขึ้นหรือไม่
Tuesday, May 12, 2009
Blogger+Amazon+Astore+Adsense=?
หลังจากที่ผมได้อ่านกระทู้ วิธีการสร้าง Blog + Amazon (aStore)+ AdSense = Rich !!! http://forums.sem.or.th/index.php/topic,15242.0.html ผมได้เกิดไอเดีย เพิ่มขึ้น แต่ ภายในตัวผมรู้สึกขัดแย้งและสับสน ครับ ไม่ทราบว่าคนอื่นเป็นเหมือนผมหรือเปล่า คือ เราทำการโฆษณาให้กับ amazon แต่่เรามาติด adsense ซึ่งจะแย่งยอดขายจาก amazon มันจะดีเหรอ ผมคิดไปคิดมา แต่ถ้าติด adsense พอมีคนคลิ๊ก ก็เป็นของเรา ผมเลยตัดสินใจติดครับ จะทดลองติดดูว่าจะได้เยอะหรือเปล่า
ไม่แน่ครับ ถ้ามีคนเข้าเวปเราเยอะ สนใจเยอะ อาจทำให้รายได้เราเยอะขึ้นก็ได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ โพสกัน คือว่า เราทำ blog ของ blogger เป็นเชิงการค้าเช่นนี้จะโดนแบนหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าจะโดนแบนหรือเปล่า แต่ผมลุยทำไปแล้วครับ ถ้าผมโดนแบนผมจะมาบอกให้ครับ
สำหรับวิธีการติด adsense นั้น ใน blogger มีให้เรา แอดใน add gadget แล้ว แอด adsense ได้เลยครับ แต่ขอแนะนำนะครับว่าติดยังไงก็ได้พยายามให้เนียนที่สุดครับ ผมคิดว่าได้ยอดแน่!!!!!
ตัวอย่างครับ
http://gooroo-cameras.blogspot.com/
ไม่แน่ครับ ถ้ามีคนเข้าเวปเราเยอะ สนใจเยอะ อาจทำให้รายได้เราเยอะขึ้นก็ได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ โพสกัน คือว่า เราทำ blog ของ blogger เป็นเชิงการค้าเช่นนี้จะโดนแบนหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าจะโดนแบนหรือเปล่า แต่ผมลุยทำไปแล้วครับ ถ้าผมโดนแบนผมจะมาบอกให้ครับ
สำหรับวิธีการติด adsense นั้น ใน blogger มีให้เรา แอดใน add gadget แล้ว แอด adsense ได้เลยครับ แต่ขอแนะนำนะครับว่าติดยังไงก็ได้พยายามให้เนียนที่สุดครับ ผมคิดว่าได้ยอดแน่!!!!!
ตัวอย่างครับ
http://gooroo-cameras.blogspot.com/
Saturday, May 9, 2009
กำหนดตำแหน่ง astore ด้วย margin
margin คือคำสั่งหนึ่งใน Css (ไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไรขออนุญาติใช้คำว่าคำสั่งละกัน) ซึ่งสามารถกำหนดค่าระยะห่างระหว่าง ขอบหน้าจอเบราซ์เซอร์กับขอบของตัวหน้าเวปเพจตามต้องการของเราได้
margin มีอยู่ทั้ง 4 ด้าน คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา
ด้านบนของ astore เราใช้คำสั่ง คือ margin-top:45px; คำอธิบาย คือ เรากำหนดให้ระยะห่างระหว่างหัวข้างบนของ astore ห่างกับขอบหน้าจอของ เบราซ์เซอร์ 45 px
ด้านล่างของ astore ใช้คำสั่ง คือ margin-bottom:24px; รูปแบบการใช้เหมือนกันครับ astore ด้านล่างจะห่างกับขอบ เบราซ์เซอร์ 24 px
ส่วนด้านซ้ายใช้คำสั่ง คือ margin-left
ด้านขวาคำสั่ง คือ margin-right
ลักษณะการใช้งานคล้ายกันครับ คือต้องการให้ห่างเท่าใดก็กำหนด ขนาดของ px เอาครับแล้วลองทดสอบดูครับ
ส่วนตัวที่เป็นมาตรฐาน astore กำหนดมาให้จะเป็นลักษณะนี้นะครับ margin:24px; คือหมายความว่าทุกด้านให้ห่างจากขอบ 24px แต่ css จะใ้ห้ความสำคัญด้านซ้ายและ้ด้านบนก่อนเสมอครับ จึงสามารถสังเกตได้ว่า ด้านบนและด้านซ้ายห่างจากขอบ 24px เบะเลย แต่ด้านขวาห่างซะงั้น เลยทำให้ดูเหมือนว่า astore ติดด้ายซ้ายมือ เหอๆๆ วันนี้แค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวครั้งหน้ามีอะไรดีจะเอามาฝากอีกครับ
margin มีอยู่ทั้ง 4 ด้าน คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา
ด้านบนของ astore เราใช้คำสั่ง คือ margin-top:45px; คำอธิบาย คือ เรากำหนดให้ระยะห่างระหว่างหัวข้างบนของ astore ห่างกับขอบหน้าจอของ เบราซ์เซอร์ 45 px
ด้านล่างของ astore ใช้คำสั่ง คือ margin-bottom:24px; รูปแบบการใช้เหมือนกันครับ astore ด้านล่างจะห่างกับขอบ เบราซ์เซอร์ 24 px
ส่วนด้านซ้ายใช้คำสั่ง คือ margin-left
ด้านขวาคำสั่ง คือ margin-right
ลักษณะการใช้งานคล้ายกันครับ คือต้องการให้ห่างเท่าใดก็กำหนด ขนาดของ px เอาครับแล้วลองทดสอบดูครับ
ส่วนตัวที่เป็นมาตรฐาน astore กำหนดมาให้จะเป็นลักษณะนี้นะครับ margin:24px; คือหมายความว่าทุกด้านให้ห่างจากขอบ 24px แต่ css จะใ้ห้ความสำคัญด้านซ้ายและ้ด้านบนก่อนเสมอครับ จึงสามารถสังเกตได้ว่า ด้านบนและด้านซ้ายห่างจากขอบ 24px เบะเลย แต่ด้านขวาห่างซะงั้น เลยทำให้ดูเหมือนว่า astore ติดด้ายซ้ายมือ เหอๆๆ วันนี้แค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวครั้งหน้ามีอะไรดีจะเอามาฝากอีกครับ
Friday, May 8, 2009
ขั้นตอนการทำเงินของ astore
ผมคิดว่าเราสามารถจำแนกขั้นตอนการทำเงินของ astore ได้ดังนี้ครับ
ผมขอออกตัวก่อนครับผมก็ยังใหม่ครับ สำหรับ astore เริ่มต้นทำเมื่อเดือน เม.ย.52 นี่เอง ครับ
แต่ยังไงก็ขอให้รวย ๆ ทุกคนครับ
- ขั้นแรกเลยครับ หา keyword ครับ ดั่งสุภาษิตเขาว่าไว้ "เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง"
- ขั้นที่สอง สร้าง astore ตาม สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น ๆ
- ขั้นที่สาม นำร้าน astore ของเราไปโปรโมทโดยใช้วิธีต่าง ๆ
- ขั้นที่สี่ มีคนเข้าร้านเรา ถ้ามี order แล้ว Ship เรียบร้อย รอรับตังค์ ครับ
ผมขอออกตัวก่อนครับผมก็ยังใหม่ครับ สำหรับ astore เริ่มต้นทำเมื่อเดือน เม.ย.52 นี่เอง ครับ
แต่ยังไงก็ขอให้รวย ๆ ทุกคนครับ
